อินโดนีเซีย ประกาศเตือนภัย ‘สึนามิ’ หลังเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.4

อินโดนีเซีย ประกาศเตือนภัย ‘สึนามิ’ หลังเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.4

อินโดนีเซีย ทำการประกาศเตือนภัย สึนามิ บริเวณพื้นที่ทะเลโฟลเร็ซ (Flores Sea) หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.3-7.4 ทางตอนเหนือของเมือง Maumere (14 ธ.ค. 2564) ประเทศ อินโดนีเซีย ทำการประกาศเตือนภัย สึนามิ ในบริเวณพื้นที่ทะเลโฟลเร็ซ (Flores Sea) ภายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.3-7.4 ณ บริเวณพื้นที่ห่างจากทางตอนเหนือของเมือง Maumere ไป 100 กม.

โดยทางศูนย์เฝ้าระวังภัยสึนามิในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก 

ได้ทำการแจ้งข้อมูล พร้อมทั้งเตือนให้ระวังภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งทางหน่วยสำรวจข้อมูลธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา (US Geological Survey (USGS)) ก็ได้ขยายความเพิ่มเติมว่าแผ่นดินไหวที่ได้เกิดขึ้นนั้นมีความลึกอยู่ที่ 18.5 กม. จากพื้นผิวโลกในบริเวณพื้นที่ (Flores Sea)

ข้อมูลจากทางศูนย์เฝ้าระวังภัยสึนามิในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกนั้น ได้อธิบายว่า มีความเป็นไปได้ในการเกิดคลื่นทะเลที่มีความอันตรายสำหรับพื้นที่ชายฝั่งที่อยู่ภายในขอบเขต 1,000 กม. ของศูนย์กลางแผ่นดินไหว

เช่นเดียวกับทาง USGS ที่ได้รายงานว่าอาจจะมีโอกาสเพียงเล็กที่จะมีผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวดังกล่าวโดยตรง แต่แผ่นดินไหวดังกล่าวนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิ หรือดินถล่มที่จะมีส่วนให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้แล้วก็ต้องมีการเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิดว่า จะมีผลกระทบตามยังประเทศไทยหรือไม่ โดยขอให้มีความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด

นายกอังกฤษออกมาเปิดเผยว่าพบผู้ป่วย เสียชีวิต จากโควิดสายพันธุ์ โอมิครอน แล้วหนึ่งศพ ย้ำประชาชนควรเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันโอมิครอน

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า นาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ออกมาเปิดเผยว่าพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดสายพันธ์โอมิครอนแล้วหนึ่งศพ พร้อมย้ำเตือนให้ประชาชนรีบเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

โดยนายกฯอังกฤษระบุว่า โอมิครอน สามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว และขอให้ประชาชนหยุดคิดว่าโควิดโอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าโควิดสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้นายจอห์นสันได้ประกาศ อนุญาตให้ประชาชนในช่วงอายุ 18 ปีสามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่สามได้นับตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป โดยมีเงื่อนไขว่าระยะห่างระหว่างวัคซีนเข็มสองและสามต้องห่างกันเกิน 3 เดือน ล่าสุดมีประชาชนจองสิทธิ์เข้ารับวัคซีนแล้วมากกว่าห้าแสนคน

ขณะที่ทางการอังกฤษระบุว่าขณะนี้ในจำนวนผู้ป่วยโควิดทั้งหมดในประเทศอังกฤษ กว่าร้อยละ 20 เป็นผู้ป่วยโอมิครอน

สื่อญี่ปุ่นรายงานถึงเหตุชนแล้วหนีที่เกิดขึ้นที่จังหวัดชิบะ ประเทศ ญี่ปุ่น สืบทราบพบเป็น คนไทยชนแล้วหนี  และเป็นเหตุให้นักศึกษาเสียชีวิต 1 ศพและได้รับบาดเจ็บอีกราย คนไทยชนแล้วหนีที่ญี่ปุ่น – เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม สำนักข่าว ANN ของประเทศญี่ปุ่นได้รายงานเหตุชนแล้วหนีที่เกิดขึ้นในจังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วงวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้นักศึกษาวัย 19 ปีสองคนที่นั่งมอเตอร์ไซค์มาได้รับบาดเจ็บหนึ่งรายและเสียชีวิตอีกหนึ่งศพ

โดยเจ้าหน้าที่พบรถของผู้ก่อเหตุที่ถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้สำเร็จ ทราบชื่อว่า นาย อรุณ ชายไทยวัย 29 ปี ซึ่งไม่ใบขับขี่และไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งอีกด้วย โดยมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด และพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้การตรงกัน และจากการสอบสวนในเบื้องต้น เจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถชนจักรยานยนต์ของนักเรียนทั้งสองราย แล้วหลบหนีไปหลังเกิดเหตุจริงๆ

อังกฤษ เปิดให้ ปชช. ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น สู้ โอมิครอน

บอริส จอห์นสัน เปิดให้ประชาชนที่อายุมากกว่า 18 ปีสามารถเข้ารับวัคซีนกระตุ้นเข็มสามได้ เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด โอมิครอน เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า นาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้อนุญาตให้ประชาชนในช่วงอายุ 18 ปีสามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่สามได้นับตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป โดยมีเงื่อนไขว่าระยะห่างระหว่างวัคซีนเข็มสองและสามต้องห่างกันเกิน 3 เดือน

โดยการประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศอังกฤษยกระดับเตือนภัยโควิดขึ้นมาเป็นระดับสี่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดโอมิครอน ซึ่งระดับสี่นั้นมีความหมายว่า มีการแพร่ระบาดและจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยครั้งสุดท้ายที่ประเทศอังกฤษประกาศเตือนภัยระดับสี่ต้องย้อนกลับไป เมื่อเดือนพฤษภาคม

นายจอห์นสันกล่าวว่า พวกเขาสามารถเห็นได้ชัดแล้วว่าวัคซีนสองเข็มไม่สามารถรับมือกับโอมิครอนได้ แต่ข่าวดีคือนักวิทยาศาสตร์มั่นใจว่าวัคซีนกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานในการรับมือโควิดโอมิครอน อย่างไรก็ตามนายจอห์นสันระบุว่า ทางวิทยาศาสตร์อังกฤษไม่สามารถยืนยันได้ว่าโอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าโควิดสายพันธุ์อื่น

ซึ่งนายกอังกฤษตั้งเป้าว่าทางการจะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับผู้ใหญ่ทุกคนที่ต้องการวัคซีนเข็มกระตุ้นภายในสิ้นเดือนนี้

นอกจากนี้ทางการอังกฤษยันได้ร้องขอให้ทางบริษัทให้พนักงานทำงานจากบ้านหากพวกเขาสามารถทำได้

เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง